วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Google Wallet อวตารกระเป๋าตังในร่างมือถือ


พาทัวร์ Google Wallet

                เทคโนโลยีนี้ถูกเปิดตัวในงาน Google I/O 2011 ที่จัดไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาได้พอสมควร Google Wallet เป็นเทคโนโลยีทำทรานแซกชั่นแบบหนึ่ง พูดห้วนๆก็เป็นซอฟท์แวร์บวกกับฮาร์ดแวร์ ที่ทำให้เจ้าของมือถือสามารถจ่ายเงินผ่านมือถือได้ หลายคนอาจจะจินตนาการว่า Google จะเปิดให้บริการรับชำระเงินแบบ PayPal หรือเปล่า? แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ค่ายนี้ไม่ต้องการทำตัวเป็นธนาคาร  Google ก็คือ Google คือยังคงเป็นบริษัทที่ provide เทคโนโลยีพื้นฐานให้บริษัทอื่นเอาไปใช้ สิ่งที่ Google จะได้จากงานนี้ก็คือข้อมูลการซื้อขาย พฤติกรรมผู้บริโภคและร้านค้า เอาไปป้อน Search Engine ผู้หิวกระหายของตัวเองเท่านั้น

                ลงรายละเอียดอีกนิด Google Wallet ก็คือซอฟท์แวร์ที่ทำงานบน Smartphone ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ คือเก็บรายละเอียดบัตรเครดิต และรายละเอียดการใช้จ่ายของเรา เมื่อถึงนาทีต้องจ่ายเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตจากในโปรแกรมจะออกไปหาหัวจ่ายเงินของร้านค้าผ่าน NFC (Near Field Communication) ซึ่งเป็นการสื่อสารไร้สายระยะใกล้ (ไม่เกิน 20 เซนติเมตร) ที่จะมาแทนบัตรแม่เหล็ก กับสมาร์ทการ์ด แค่นั้น เมื่อก่อนโทรศัพท์ในสเป็คจะต้องมี บลูทูธ ไวไฟ หรือกล้อง อีกหน่อยก็ต้องมี NFC (ถ้าระบบนี้แจ้งเกิดได้จริงๆ)





                เทียบให้เห็นภาพ ระบบปัจจุบันเวลาเราไปซ้อปปิ้งตามร้านค้า เมื่อถึงคราวจ่ายเงิน ก็หยิบบัตรพลาสติกมาให้พนักงานรูดปรื้ดๆ ถ้าเป็นระบบ Google Wallet แบบ NFC สิ่งที่เราทำก็คือ เอาโทรศัพท์มือถือไปแตะกับเครื่องอ่าน คล้ายระบบ SmartPurse ที่เมืองไทยมีใช้ตามร้านสะดวกซื้อ แต่ความเด็ดของมันอยู่ที่ เมื่อเราแตะกับเครื่องอ่านแล้ว ข้อมูลสินค้าที่เราซื้อ ราคา รวมทั้งยอดเงินที่เราจะต้องจ่ายจะปรากฏบน Smartphone ของเราพร้อมเอาไปใช้งานอย่างอื่น เช่นเก็บเป็นประวัติ เป็นต้น

                ข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของเรา จะถูกย่อยเข้าไปในระบบเพื่อวิเคราะห์ เมื่อไปผสานกับ Search Engine ของ Google ระบบก็จะบอกเราได้ว่า ด้วยพฤติกรรมแบบนี้ ในพื้นที่ใกล้เคียง (ซึ่งได้ข้อมูลตำแหน่งจาก smartphone) มีร้านค้าไหนบ้างกำลังจัดโปรโมชั่นในสินค้าที่ตรงกับรสนิยมของเรา ระบบนี้เรียกว่า Google Offer เป็นรัก-ยม ในระบบวงจรการจ่ายเงินของ Google แน่นอนว่าเมื่อเราทำการจ่ายเงิน ข้อมูลพวกส่วนลด แต้มสะสมต่างๆก็จะถูกจัดการหักลบ และเก็บบันทึกให้อัตโนมัติ ไม่ต้องมาโชว์บัตร ขอเบอร์สมาชิก เบอร์โทรอะไรในโลกนี้อีกแล้ว





                Google บอกว่าจุดขายของแพลตฟอร์มคือเป็นระบบเปิด ยินดีต้อนรับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมบริการ ไม่ว่าจะเป็น

  • ธนาคารผู้ออกบัตร 
  • ร้านค้า 
  • บริษัทหักชำระบัญชี 
  • ค่ายมือถือ 
  • หรือแม้แต่บริษัทมือถือค่ายอื่น 

               สิ่งเดียวที่ Google ต้องการจากการให้บริการก็คือข้อมูล เพื่อจะไปป้อนระบบโฆษณา ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ Google เท่านั้น.. อย่างน้อยก็ตอนนี้

            ในจุดเริ่มต้น Google มีพาร์ทเนอร์ชุดแรกเป็นห้างสรรพสินค้าในย่านนิวยอร์คและซานฟรานซิสโก เช่นร้าน Subway, Macy, Walgreen และ Toy R Us ระบบรับชำระเงินแรกที่ Google ไปพ่วงด้วยก็คือ MasterCard ซึ่งความจริงทาง MasterCard เองก็มีระบบการ์ดชำระเงินแบบ contactless ให้บริการอยู่ เรียกว่าระบบ "PayPass". 
                
                 ในเฟสแรก Google ก็รับเอา PayPass เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Google Wallet ดังนั้น ระบบนี้จึงสามารถนำไปใช้กับหัวจ่าย PayPass ของ MasterCard ที่มีอยู่แล้วได้ทันที ปัจจุบัน PayPass มีหัวจ่ายแบบไร้สายทั่วอเมริกา 124,000 จุด และอีก 311,000 ทั่วโลก นับเป็นตัวเลขที่น่าสนในทีเดียว แต่คงเทียบไม่ได้กับญี่ปุ่นที่ใช้เทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบสัมผัสมาหลายปี และเจริญจนกลายเป็นเรื่องธรรมดามากๆสำหรับคนทั่วไป



                และด้วยความที่ Wallet เป็นระบบเปิด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะรองรับเน็ตเวิร์คชำระเงินอื่นๆเช่น Visa หรืออะไรก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะเดียวกับที่กระเป๋าสตางค์ของเรารับบัตรเครดิตได้ไม่เลือกค่าย และตัวซอฟท์แวร์ Wallet เอง แม้ในเบื้องต้นจะทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นหลัก แต่ Google ก็ยืนยันว่า ยินดีจะไปทำงานบน iPhone ด้วย แต่ปัญหาคือ Steve Jobs จะยอมปล่อยแอพ Wallet ขึ้น App Store หรือเปล่าต่างหาก ถ้าดูจากความเข้มข้นของการแข่งในโลก Smartphone แล้วก็ต้องบอกว่า คงจะยาก

                ทำให้เห็นภาพอีกเช่นกันว่า ด้วยเจตนาของ Google ที่ปวารณาตนจะเป็นระบบเปิดมาตลอด ระบบแผนที่ Google Map ซึ่งก็ไม่เคยเลือกค่าย จึงถูกเลือกเป็นแผนที่หลักของ iPhone เพราะในช่วงที่ iPhone เกิด Google ยังไม่เข้าตลาด Smartphone แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน พอ Google ทำ Smartphone ค่ายยักษ์คู่แข่งก็เริ่มทำท่ารังเกียจ พอ Google ทำ Google Plus ซึ่งเป็น Social Network ใหม่ แอนดรอยด์ก็น่าจะเริ่มมีปัญหากับ Facebook อีก 
                น่าคิดเหมือนกันว่าในอนาคต Google จะยังคงความเป็นระบบเปิดได้หรือไม่ ถ้าค่ายอื่นต่างก็ปฏิเสธทั้งหมด แว่วๆว่าตอนนี้แอปเปิ้ลเริ่มมีความคิดจะสร้างบริการแผนที่ของตัวเองแล้ว โนเกีย หรือไมโครซอฟท์เองก็คงไม่ยินดีนักที่จะเข้าไปร่วมแชร์ใช้บริการจาก Google ดูไปดูมาตอนนี้คงเหลือแค่ WebOS ของ HP เท่านั้นที่ยังอ่อนแอที่สุดในแง่ Cloud Service ซึ่งก็คงต้องพึ่งของค่ายอื่นไปก่อน

                ตอนนี้โทรศัพท์มือถือที่รองรับเทคโนโลยี NFC ยังคงมีแค่ Nexus S เท่านั้น แต่ค่ายมือถือหลายค่ายก็พร้อมใจกันกระโจนสู่สมรภูมินี้ ไม่ว่าจะเป็นโมโตโรลา HTC , LG หรือแม้แต่แพลตฟอร์มอื่นอย่าง Blackberry, Nokia กับ Apple ต่างก็ยักคิ้วให้กับ NFC

 << สติกเกอร์ Contactless แปะหลังเครื่อง

                Google บอกว่า แม้ตอนนี้โทรศัพท์ NFC จะมีน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ Smartphone ธรรมดาที่ไม่มี NFC ก็สามารถเข้าสู่ระบบ Google Wallet ได้ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงติดสติกเกอร์ NFC ไว้ที่หลังเครื่อง (สติกเกอร์หนึ่งอันแทนบัตรเครดิตหนึ่งใบ) เมื่อมีการแตะจ่ายเงิน ข้อมูลจากร้านค้าก็จะวิ่งสู่ Cloud Service และวิ่งอ้อมกลับมาที่โทรศัพท์มือถืออีกที!!...หน้าตาดีมาก ดังนั้นตามทฤษฏี เราก็สามารถเอาสติกเกอร์ไปแปะไว้ที่โทรศัพท์รุ่นไหนก็ได้ในโลก รวมทั้ง iPhone ด้วย ปัญหาเดียวที่มีก็อย่างที่บอกไว้ Apple จะยอมให้ซอฟท์แวร์ Google Wallet ผ่านเข้า App Store หรือเปล่าเท่านั้น

                ก่อนหน้านี้ก็คาดกันว่า Apple จะเปิดตัวโทรศัพท์ iPhone 4S ในงาน WWDC 2011 ลุ้นๆกันอีกว่าอาจจะมีเรื่อง Payment ติดปลายนวมมาด้วย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีแม้แต่เงาของโทรศัพท์ใหม่ มีแค่บริการ iCloud กับอัพเดตเวอร์ชั่น OS คนดูก็เหงากันไป ส่วนสาวกก็คลุ้มคลั่งสาธุตามปกติ

                นอกจากการชำระเงินแล้ว Google Wallet หรือเทคโนโลยี NFC ยังสามารถประยุกต์กับกิจกรรมอื่นๆได้อีกมากมาย ลองวาดภาพดูว่ากระเป๋าสตางค์ของคุณเก็บอะไรไว้บ้าง เพียบครับ ไม่ว่าจะเป็นบัตรสมาชิกทั้งหลาย ตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน ใบเสร็จ ทั้งหมดล้วนเป็นไปได้และมาแน่ๆหากไม่แป๊กไปซะก่อน Google เองถึงกับประกาศว่า เทคโนโลยี NFC นั้นจะเป็นเทคโนโลยีหลักของแอนดรอยด์ จะเลิกสนับสนุน QR-Code กันไปเลยทีเดียว ถ้าออกตัวชัดขนาดนี้ Smart Poster ที่เคยเป็น QR-Code หรือการเช็คอินของ Foursquare ก็น่าจะกลายเป็น NFC ได้ไม่ยาก

                พูดได้เต็มปากว่าเทคโนโลยี NFC จะพาเราไปสู่อะไรๆได้อีกมากมาย ขออย่างเดียว ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือต้องออกมาเล่น ผู้ให้บริการ Cloud ทำระบบ ที่เหลือก็แค่จินตนาการเท่านั้น